ใครคนไหนที่จอดรถทิ้งไว้นาน ๆ แล้ว ไม่ได้นำไป ตรวจเช็คสภาพรถ เลยบ้างคะ เราอยากจะบอกว่า นอกจากตรวจเช็คสภาพรถแล้ว สิ่งหนึ่งที่คนมักจะลืมนั่นก็คือ การเปลี่ยนน้ำมันเบรค วันนี้เราจึงจะมาเตือน และ บอกถึง ความสำคัญ ของ น้ำมันเบรค กันค่ะ
ปัจจุบันสำหรับผู้ใช้รถแล้ว คงหลีกเลี่ยงไม่ได้นะคะว่า เราต้องดูแลรถทั้ง ภายนอก และ ภายใน ซึ่งส่วนใหญ่เราจะยกให้ ทางช่างยนต์ หรือ ศูนย์บริการ เป็นคนดูแลรถให้ แต่ทั้งนี้แม้เราจะซ่อมไม่เป็น เราก็ต้องมีความรู้ เกี่ยวกับรถยนต์ หรือ ส่วนประกอบต่าง ๆ ที่ทำให้รถเราวิ่งได้ด้วย เผื่อเกิดอาการเสีย หรือ ชำรุด จะได้พอรู้ปัญหา และ ให้ช่างแก้ได้ถูกจุดมากขึ้น
วันนี้เราจะมาพูดถึง ช่วงล่าง ระบบเบรก ในส่วนที่มองเห็นได้ยากกันค่ะ หลาย ๆ คนคงเคยได้ยิน หรือ เห็นผ่าน ๆ ตากันมาบ้าง เกี่ยวกับของเหลว ที่ใช้กับเบรก คือ น้ำมันเบรค นั่นเอง
น้ำมันเบรค คืออะไร ?
จริง ๆ แล้ว น้ำมันเบรค นี้ไม่ใช่น้ำมันแต่เป็น สารผสมจำพวก อีเทอร์ ( Ether ) และ ไกลคอล ( Glycol ) ปัจจุบันบ้านเรา ยังไม่มีคำจำกัดความของ Brake Fluid จึงเรียกว่า น้ำมันเบรค เพราะมีคุณสมบัติ หล่อลื่น ได้เหมือนน้ำมันนั่นเอง แต่ด้วยส่วนประกอบ 2 ตัวนี้ ทำให้น้ำมันเบรค สามารถดูดซับความชื้นได้ดีมาก แม้กับแค่ อากาศ หรือ ลม ก็ตาม
ประเภทของ น้ำมันเบรค
ปัจจุบันมี 3 ประเภท คือ Dot 3 / Dot 4 / Dot 5
แต่ก็ยังมีแยกย่อยลงไปอีก เป็น Dot 3 ธรรมดา / Super Dot 3 / Dot 4 ธรรมดา / Super Dot 4 / Dot 5.1 เป็นต้น
รถยนต์ในไทย ปัจจุบันใช้ Dot 3 และ Dot 4 ส่วน Dot 5.1 นั้นสำหรับ Super Car หรือ รถ Performance สูง ๆ
ที่แตกต่างของแต่ละประเภท คือ จุดเดือด ส่วนเรื่องคุณภาพนี้ ขึ้นอยู่กับแต่ละยี่ห้อที่เลือกค่ะ
จะรู้ได้อย่างไรว่า รถของเราใช้ น้ำมันเบรค Dot ไหน
สามารถตรวจสอบเอง ได้จากกระปุกของ น้ำมันเบรค เลยค่ะ จะมีเขียนบอกไว้ รถรุ่นเก่า ๆ หน่อยอาจจะใช้ Dot 3 รุ่นกลาง - ใหม่ จะสามารถใช้ได้ทั้ง Dot 3 และ Dot 4 และ ที่สำคัญรถที่ใช้ Dot 3 สามารถใช้ Dot 4 ทดแทนได้ แต่ว่ารถที่ใช้ Dot 4 ไม่สามารถลด กลับไปใช้ Dot 3 ได้ เพราะจุดเดือดของ Dot 3 มีน้อยกว่า ซึ่งอาจจะเกิดปัญหา กับระบบเบรกได้ค่ะ
ทำไมต้องเปลี่ยน น้ำมันเบรค
สาเหตุของการ เกิดอุบัติเหตุ บนท้องถนนส่วนใหญ่ เกิดจากการใช้ ระยะเบรคเยอะ เบรคไม่ทัน หรือ เบรคแตก ในส่วนของการดูแลระบบเบรก นอกจากเปลี่ยนยาง และ ผ้าเบรคแล้ว การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรก เป็นส่วนหนึ่ง ที่หลายคนลืมไป อีกทั้งช่างยนต์เอง ยังไม่ชอบทำ เพราะเหนื่อย ลำบาก แถมเสี่ยงทำรถลูกค้าพัง จากการย้ำเบรกซ้ำ ๆ อีกด้วย
ผลนั้นจึงมาตกกับ ผู้บริโภค ผู้ใช้รถ ที่อาจจะเจออุบัติเหตุ ได้ทุกเมื่อ หากน้ำมันเบรกเสื่อมสภาพ เพราะตัวน้ำมันเบรก ไม่มีไฟเตือนที่หน้าปัด เมื่อเสื่อมสภาพ ต่างกับยาง และ ผ้าเบรก ที่ยังพอรู้สึกได้
สัญญาณที่บอกว่า น้ำมันเบรก เริ่มเสื่อมสภาพ
น้ำมันเบรค แม้ว่าจะใช้ หล่อลื่น ได้ แต่ในทางกลับกัน มันดูดซับความชื้น ได้ดีมาก ๆ ซึ่งหากเทียบตามตาราง การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรค แล้ว ควรเปลี่ยนถ่ายทุก ๆ 1 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตร แต่ด้วยความที่ บ้านเราเป็นประเทศร้อนชื้น บวกกับพฤติกรรมการขับขี่ของผู้ใช้รถ หากสีของน้ำมันเบรคมีสีคล้ำดำ แสดงว่า น้ำมันเบรก เสื่อมสภาพแล้วนั่นเอง
ผลเสียจากการที่ น้ำมันเบรกเสื่อมสภาพ จะทำให้ประสิทธิภาพ ในการเบรคลดลง เบรคใช้ระยะมากขึ้น เกิดเสียงตอนเบรค ผ้าเบรค สีกับ จานเบรค ทำให้จานเบรก เป็นรอย หรือ หัก หลังจากนั้นคือเรื่องที่ทุกคน ไม่อยากให้เกิดขึ้น คือ เบรคแตก นั่นเอง นอกจากอันตราย ต่อตัวผู้ขับแล้ว ยังอันตรายต่อเพื่อนร่วมถนนด้วยค่ะ
ปัจจุบันมีเทคโนโลยีอย่างหนึ่ง ที่ช่วยในการทดสอบ คุณภาพน้ำมันเบรค ได้ครับ คือ ปากกาวัดความชื้นน้ำมันเบรค ที่จะบอกว่าความชื้นใน น้ำมันเบรค ของเรา มีค่าเท่าไหร่ มีตั้งแต่ สีเขียว ( ปกติ ) ถึง สีแดง ( น้ำมันเบรคหมดสภาพ ) เลยทีเดียว
อ่านบทความเพิ่มเติม
Honda มีแผนเปิดตัว รถยนต์รุ่นใหม่ 11.11 นี้
เบาะหนัง เบาะผ้า มี ข้อดี ข้อเสีย และ การดูแล รักษาความสะอาด อย่างไร