คนที่รักรถ รักความเร็ว หรือ คนที่ใช้รถก็ต่างรู้ดี ว่ารถนั้น จำเป็นต้องมีโช้คอัพเพื่อลด การกระแทกของการขับขี่บนท้องถนน แต่ก็คงมีเพื่อน ๆ หลายคน ที่ไม่รู้ว่าโช้คอัพ ต้องได้รับการดูแล ไม่ต่างจากสิ่งอื่นบนรถยนต์
โช้คอัพ คือ อุปกรณ์ที่ลดแรงสะเทือนให้กับรถ หรือ เป็นอุปกรณ์ที่ลดแรงกระแทก มีหน้าที่ ประครองรถ ให้สอดคล้องกับท้องถนน โช้คอัพยังทำให้การขับรถ มีความสะดวกมากขึ้น เกิดความนิ่มนวล ขณะขับขี่รถยนต์ ทำให้รถยนต์นั้น ทรงตัวได้ดีขึ้น โช้คอัพมีความสำคัญกับรถยนต์อย่างมาก เพราะฉะนั้น เราจึงต้องดูแลเอาใจโช้คอัพเป็นอย่างดี
ประเภทของโช้คอัพ
1. โช้คอัพน้ำมัน หรือ โช้คน้ำมัน เป็นโช้คที่มีการใช้น้ำมันไฮดรอลิค ที่ทำให้เกิดความหนืด ขณะที่โช้คนั้น ทำงาน การทำงานของโช้ค ประเภทนี้นั้น จะทำงานโดย น้ำมัน จะไหลผ่านวาล์ว และ ทำให้เกิดฟองอากาศ ภานในน้ำมัน เหมาะกับ รถที่มีการใช้งานในความเร็ว ที่ไม่สูง เพราะ ฟองอากาศภายใน น้ำมันไฮดรอลิค จะทำงานได้ไม่ดี เมื่อรถมีการใช้ความเร็วที่สูง
ข้อดี หนึบไม่กระด้าง
ข้อเสีย น้ำมันโช้ครั่วซึม เมื่อมีการสึกหรอ
2. โช้คอัพแก็ส หรือ โช้คแก็ส โช้คประเภทนี้ เป็นการทำงาน 2 อย่าง ระหว่าง น้ำมันไฮดรอลิค กับ โช้คแก็สไนโตรเจน เมื่อโช้คอัพทำงาน ลูกสูบของโช้คอัพเลื่อนตัวลงมา น้ำมันไฮดรอลิคจะไหลผ่านวาล์ว ขึ้นไปยังห้องข้างบน และ น้ำมันอีกส่วนไหลไปอยู่ข้างล่าง ในห้องน้ำมันสำรอง ในขณะเดียวกัน ห้องมันมันสำรอง ก็จะทำการอัดแก็ส ไนโตรเจนเพื่อให้เกิดแรงดัน
ข้อดี เมื่อเกิดการกระแทก จะนุ่มกว่าโช้คอัพชนิดน้ำมัน
ข้อเสีย มีราคาสูง
อาการที่ต้องเปลี่ยนโช้ค
1. กดที่หน้ารถ แล้วปล่อย ถ้ามีอาการเด้งขึ้นเด้งลงหลาย ๆ ครั้ง แสดงว่าโช้คอัพ มีอาการเสื่อม โช้คอัพที่ดี เมื่อข่มไปที่หน้ารถแล้ว จะคืนตัวได้ ไม่เด้งไปเด้งมา วิธีนี้ เป็นเพียงแค่วิธีเบื้องต้น ที่ไม่สามารถมั่นใจได้ เนื่องจากรถบางรุ่น มีการออกแบบช่วงล่าง ที่นุ่มนวลกว่าปกติ
2. แกนโช้ค มีการบิด คดงอ เบี้ยว สภาพไม่พร้อมใช้งาน
3. มีการรั่วซึมของน้ำมัน ที่ออกมาจากตัวโช้คอัพ หรือ ถ้าหากพบว่า มีเศษดิน เศษหิน เศษทราย ไปติดอยู่ที่รอยรั่ว ควรไปที่ร้านโช้คโดยด่วน หากปล่อยไว้นาน อาจจะทำทำให้เกิดอันตรายต่อรถ และ ผู้ที่ขับขี่ได้
4. ยางรถสึกหรอ ไม่เรียบเสมอกัน อาจจะเกิดจากการที่โช้คข้างได้ข้างนึง มีปัญหา หรือ พัก สึกหรอ
5. รถมีอาการโครงเครง ขณะขับขี่ และ เมื่อเขจอถนนที่ขรุขระ ส่งผลให้ยากต่อการบังคับรถ
6. รถมีอาหารเหินน้ำ เมื่อวิ่งอยู่บนถนนที่เปียก หรือ รถมีอาการยกหน้าเมื่ออกตัว และ มีอาการหน้าทิ่มลงมา เมื่อเบรกด้วยความเร็วต่ำ
7. เสียการทรงตัวเมื่อมีลมมาปะทะ เมื่อขับรถด้วยความเร็วที่สูง
8. ถ้าหากไม่แน่ใจ ให้ไปตรวจเช็คสภาพรถ ที่ศูนย์
อายุการใช้งาน
การใช้งานโช้คอัพโดยเฉลี่ย จะอยู่ที่ 50,000 กิโลเมตร – 100,000 กิโลเมตร หรือ ประมาณ 3 ปี แต่ทั้งนี้ อายุการใช้งานของโช้คนั้น ก็ขึ้นอยู่กับ การใช้งานของแต่ละคน เนื่องจาก แต่ละคนมีการใช้งาน ที่แตกต่างกันออกไป ทั้งบรรทุกของหนัก ขับขี่ในทางที่ขรุขระ หรือ จอดท้องไว้เฉย ๆ ไม่ได้มีการใช้งาน คำแนะนำ ควรตรวจเช็ค โช้คอัพ ทุก ๆ 20,000 กิโลเมตร เพื่อความปลอดภัยของ ผู้ขับขี่รถยนต์ และ เพื่อน ๆ ร่วมท้องถนน
ข้อควรปฏิบัติ เมื่อเปลี่ยนโช้คอัพใหม่
1. หลังจากติดตั้งโช้คอัพ ควรวอร์มอัพโช้ค โดยการขับรถ บนถนนทางเรียบ ประมาณ 300 – 500 กิโลเมตร เพื่อให้โช้คเข้าที่ และทำงานได้ขึ้น
2. หลีกเลี่ยงการขับรถ บนถนนที่ขรุขระ เป็นหลุม เป็นบ่อ เพราะ อาจจะ ทำให้โช้คของเรา สึกเร็วกว่าปกติ และ อาจจะทำให้ต้องทำงานหนักกว่าปกติ
3. เมื่อเปลี่ยนโช้คมาใหม่ ไม่ควรบรรทุกของหนัก ควรที่จะขับรถด้วยน้ำหนักปกติ เพื่อไม่ให้โช้คอัพของเรา เสื่อมสภาพช้าลง และ เพื่อการทำงานที่มีประสิทธิภาพ อย่างเต็มที่
หากไม่มั่นใจ ในอาการของโช้คอัพว่ามีอาการเสื่อม หรือ สึกหรอมากเพียงใด ควรไปตรวจเช็คสภาพรถ และ หมั่นดูแลรถ แม้ว่าโช้คจะช่วย ให้รถมีความนุ่มนวล ใช้รักษาสมดุลของรถ ไม่ให้โยก โครงเครง เราก็ไม่ควรขับรถตกหลุม ตกบ่อเกินไป หรือ มีการบรรทุกของ ที่หนัก เกินไป และ ตลอดเวลา เพราะ จะทำให้โช้ค ของเรานั้น เสื่อมสภาพ และ พังเร็ว ทั้งนี้ ผู้ใช้รถควรเลือก โช้คให้เหมาะสม กับการใช้รถของ เพื่อน ๆ เอง เพื่อให้เกิดความมั่นใจ และ ความปลอดภัยในการขับขี่
อ่านบทความเพิ่มเติม