YS Racing - ฤดูฝนดูแลรถอย่างไร

เว็บซือขาย การดูแลรักษารถยนต์ ในช่วงฤดูฝน เป็นช่วงที่ ต้องมีการ ดูแล เป็นพิเศษ เพราะว่า ในช่วงฤดูฝน อาจจะต้อง มีการขับรถลุยน้ำ หรือตากแดด ตากฝน อาจจะทำให้ รถเลื่อมเร็วกว่า ปกติ ฉะนั้น เรามาดูกัน ว่าในช่วงฤดูฝน จะมีวิธีการ ดูแลรักษาระยนต์ อย่างไร

YS Racing - ฤดูฝนดูแลรถอย่างไร การดูแลรักษารถยนต์ ในช่วงฤดูฝน เป็นช่วงที่ ต้องมีการ ดูแล เป็นพิเศษ เพราะว่า ในช่วงฤดูฝน อาจจะต้อง มีการขับรถลุยน้ำ หรือตากแดด ตากฝน อาจจะทำให้ รถเลื่อมเร็วกว่า ปกติ ฉะนั้น เรามาดูกัน ว่าในช่วงฤดูฝน จะมีวิธีการ ดูแลรักษาระยนต์ อย่างไร

ฤดูฝนดูแลรถอย่างไร

ฤดูฝนดูแลรถอย่างไร


การดูแลรักษารถยนต์ ในช่วงฤดูฝน เป็นช่วงที่ ต้องมีการ ดูแล เป็นพิเศษ เพราะว่า ในช่วงฤดูฝน อาจจะต้อง มีการขับรถลุยน้ำ หรือตากแดด ตากฝน อาจจะทำให้ รถเลื่อมเร็วกว่า ปกติ ฉะนั้น เรามาดูกัน ว่าในช่วงฤดูฝน จะมีวิธีการ ดูแลรักษาระยนต์ อย่างไร

 

ช่วงฤดูฝน เป็นช่วงที่รถยนต์ ได้รับการดูแลรักษา น้อยที่สุด เนื่องจากฝนตก ทำให้การดูแลรถยนต์ เป็นไปได้ยาก และ หลาย ๆ คนก็มีความคิดว่า การดูแลรถในช่วง ฤดูฝน ไม่รู้จะดูแล ยังไง ล้างรถ ก็ต้องเจอฝน เพราะ ความคิกนี้ ก็ทำให้หลาย ๆ คนปล่อยและเลย ในการดูแล รักษา รถยนต์ แต่ถึงอย่างไร แม้ว่า ฝนจะตก แต่เราก็ควรที่จะ ดูแลรถยนต์ของเรา ให้อยู่ในภาพ ที่ดี และ พร้อมใช้งาน อยู่เสมอ นะครับ

 

 

1. การล้างรถ

หลังจาก ที่ขับรถลุยฝนมาแล้ว ก็ควรที่จะล้างรถ แต่อาจจะล้าง โดยไม่ต้องใช้น้ำยา เพียงแค่ ล้างรถด้วยน้ำสะอาด เพื่อเป็นการล้าง คราบสกปรก เศษดิน เศษฝุ่น ให้หลุดออกไป เพราะถ้าหากปล่อยให้ เศษฝุ่น เศษดินเหล่านั้น แห้งคารถ อาจจะทำให้เกิดรอย ทิ้งไว้บนรถของเรา ได้นะครับ เพราะฉะนั้น ควรจะล้างทันที นะครับ และ ใช้ผ้าสะอาดเช็ด คราบน้ำ ที่ล้างเพื่อไม่ให้ เกิดการทิ้งรอย หยดน้ำ สิ่งที่ต้องระวัง ไม่ควรใช้ผ้า เช็ดรถ หลังจากที่จากฝนมา นะครับ เพราะการทำแบบนี้ จะทำให้รถยนต์ ของคุณ เกิดรอยขีด ที่มาจากฝุ่น และ เศษดิน นอกจากนี้ ต้องล้างรถให้เศษดิน เศษฝุ่น และ เศษต่าง ๆ ออกให้หมด ด้วยนะครับ เพราะไม่อย่างงั้น ถ้าล้างไม่สะอาด อาจจะทำให้ รถเกิดรอย ได้นะครับ   

 

 

2. เคลือบสีรถยนต์

โดยส่วนใหญ่แล้ว หลาย ๆ คนจะเลี่ยง การการล้างรถ การเข้าคาร์แคร์ในช่วง ฤดูฝน เนื่องจาก เข้าคสร์แคร์ ก็ต้องมาเจอฝน แต่การเข้าคาร์แคร์ มีข้อดี หนึ่งอย่างคือ การเคลือบสีรถ โดยการเคลือบสีรถนั้น จะช่วยลด การเกาะของน้ำฝน ป้องกันการเกิด คราบสกปรกได้เป็น อย่างดีนะครับ ทำให้ครั้งต่อไป ล้างรถด้วยน้ำเปล่า จะทำให้ล้างคราบสกแรกออก ได้ง่ายขึ้นนั่นเองครับ นอกจากนี้ การเคลือบสีรถ ยังช่วยรักษา ความสด ความงาม ของสีรถเอาไว้ นะครับ เนื่องจาก น้ำฝนที่ตกลงมา มีความเป็นกรดอ่อน ๆ ซึ่งหากไม่มีการ เคลือบสีรถ สีรถยนต์อาจจะ ถูกกัด ทำให้สีรถ ซีดลงได้ นะครับ 

 

 

3. ยางปัดน้ำฝน

ยางปัดน้ำฝน เป็นส่วนที่ใช้งานบ่อยที่สุด จึงต้องมีการ ตรวจสอบ ตรวจเช็คสภาพของ ยางปัดน้ำฝน ว่ายังมี สภาพการใช้งาน ที่ดีอยู่หรือเปล่า หากใช้งานแล้ว มีเสียงดัง แสดงว่า ยางปัดน้ำฝน มีการแข็งตัว หรือ มีการสึกของยาง อาจจะทำให้ การปัดน้ำฝน ทำได้ไม่ดี และ หากยังมีการ ใช้งานอยู่ ก็อาจจะทำให้ กระจก เป็นรอยได้ นะครับ ดังนั้น ควรที่จะเปลี่ยน ยางปัดน้ำฝน ก่อนช่วงฤดูฝน นะครับ เพื่อ การใช้งานที่ดี ของที่ปัดน้ำฝน

 

 

4. ระบบไฟสายไฟต่างๆ

เมื่อเข้าช่วงฤดูผล สิ่งที่ควรจะเช็ค และ ตรวจสอบใหมั่นใจ เพราะว่า หากสายไฟ หรือ ระบบไฟมีการมีการรั่ว ของกระแสไฟ มีการสป๊าก การช็อต ของสายไฟ จะทำให้เกิด อันตรายได้ นะครับ และ อาจจะทำให้เกิด ไฟฟ้าลัดวงจรได้ นะครับ นอกจากนี้ ยังต้อง เช็คซีลยาง ที่พันสายไฟ ให้ดีนะครับ เพราะจุดเล็ก ๆ เหล่านี้ อาจจะทำให้เกิด อันตรายได้นะครับ

 

 

5. ยางบริเวณประตู และ ส่วนต่าง ๆ

จุดที่ควรเช็ค อีกหนึ่งจุด ก็คือ การตรวจสอบ ขอบยาง ของประตูเพราะ ถ้าหาก ยางเสื่อม หรือ ปิดไม่สนิท ก็จะทำให้ น้ำฝน ซึมเข้ามาภายในรถ ได้นะครับ และ ควรสอบให้ครบ ทุกจุดของรถ นะครับ หากไปตรวจเช็ค แล้วเห็นว่า มีนอยแตก รอยร้าว หรือว่า รอยฉีกขาด ก็ควรที่จะ รีบเปลี่ยนนะครับ หสกไม่เปลี่ยน แล้วฝนตก เกิดน้ำรั่วซึม อาจจะทำให้ เกิดการความ เสียหาย นะครับ เพราะฉะนั้น ควรที่จะดูแล ให้ดี

 

ในช่วงฤดูฝน ก็ควรที่จะ ดูแลรักษา ส่วนต่าง ๆ ของรถให้ดี ๆ นะครับ เพราะหาก รถมีปัญหา ขณะที่ฝนตก ช่วงที่ออกมาซ่อม การบริการ ก็จะทำได้ยากนะครับ

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

5 วิธีง่าย ๆ ในการดูแลเครื่องยนต์

วิธีการดูแล รถยนต์ ให้เหมือนใหม่