หน้าที่การงาน ตำแหน่ง บ้าน และเป้าหมายอันดับแรก ๆ ในชีวิตของคนวัยทำงานทุกคน เมื่อถึงเวลาที่มีเงินเก็บพอสมควร เชื่อเลยว่าจะต้องเป็น รถยนต์คันแรกในชีวิต อย่างแน่นอนใช่ไหมล่ะคะ
มนุษย์เงินเดือนอย่างเรา ก็ย่อมที่อยากจะมีรถส่วนตัวเอาไว้ซักคัน ด้วยกันทั้งนั้น เพราะทั้งสะดวกสบาย แถมยังไม่ต้องลำบากเดินทางด้วยรถสาธารณะทั้งเช้าเย็นด้วย จริง ๆ ผู้เขียนก็เห็นมนุษย์เงินเดือนส่วนใหญ่ ประสบความสำเร็จในการซื้อรถคันแรกมาได้ แต่นั่นเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้นค่ะ เพราะเมื่อเรามีรถคันแรกในชีวิต ที่ได้มาจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง ก็ต้องดูแลเขาให้ดี ราวกับเป็นลูกคนหนึ่งเลยล่ะ ดังนั้น หากมีรถยนต์คันแรกในชีวิตแล้ว สิ่งที่ต้องทำต่อจากนั้น สำหรับเจ้าของรถคนใหม่จะต้องทำยังไงกันบ้าง ผู้เขียนจึงได้ลิสต์สิ่งที่ควรต้องทำมาฝากค่ะ ลองมาอ่านตาม แล้วจดบันทึกว่า ทุกคนได้ทำตามในลิสต์แล้วบ้างหรือยัง
-
คำแนะนำก่อนที่จะซื้อรถ
ก่อนอื่น เราก็ต้องถามตัวเอง รวมถึงลิสต์ด้วยว่า ในวันหนึ่ง เรามีปัจจัย หรือความจำเป็นที่จะต้องใช้รถมากแค่ไหน บางคนอาจจะต้องเดินทางไปต่างจังหวัดบ่อยครั้ง บางอาชีพก็จำเป็นที่จะต้องมีรถแน่นอนว่า รวมถึงใบขับขี่ด้วย บางครั้ง ความต้องการเพียงอย่างเดียว ก็ไม่ใช่สิ่งที่ตอบโจทย์ทุกอย่างค่ะ ด้วยความปรารถนาดี ก่อนที่เราจะซื้อรถคันแรก ก็ควรจะมีเงินทุนสำรองเก็บไว้ด้วย เพราะทุกอย่างไม่ได้จบลง หลังจากที่กรรมสิทธิ์รถยนต์คันนั้นเป็นของเรา อย่างในกรณีมนุษย์เงินเดือนบางคน อาจจะต้องใช้เวลาผ่อนอยู่หลายเดือน ไหนแต่ละเดือนยังต้องจ่ายดอกเบี้ยอีก กว่าสิทธิ์รถยนต์คันที่ซื้อนั้น จะเป็นของเราจริง ๆ ดังนั้นเรื่องของการดูแลรถ ยิ่งกว่าไข่ในหิน จึงจำเป็นอย่างยิ่งยวด
- มีรถคันแรก จะดูแลอย่างไร
อย่างที่ได้เตือน ในเรื่องของการเก็บเงินทุนสำรอง หลังซื้อรถส่วนตัวคันแรก และรู้ไหมว่า ยิ่งรถราคาแพง ค่าซ่อมบำรุง รวมถึงอะไหล่รถ ก็จะมีราคาที่แพงตามไปด้วย เพราะคุณภาพยานยนต์ย่อมดีกว่า รุ่นที่ราคาย่อมเยาลงมานั่นเอง ปล ยังไม่รวมเรื่องของรสนิยมความชอบส่วนบุคคล ในเรื่องของการแต่งรถอีกต่างหากด้วยนะ
- ศึกษาเรื่องของประกัน กรณีเกิดเหตุ ต้องแจ้งประกันยังไง
ปัญหาโลกแตก สำหรับนักขับมือใหม่ กับรถคันแรก ยังไงก็เป็นกันทุกคน กับบางคน ไม่ใช่ว่าขับไม่เป็น อาจเรียนมาจนจบ และได้ใบขับขี่มาแล้ว แต่บางคนก็เรียนและซื้อรถใหม่มาขับ เหล่านี้ก็คือ มือใหม่ด้วยกันทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับว่าเมื่อเจอกับสถานการณ์จริงเช่น รถชน มอเตอร์ไซค์เฉี่ยว ชนเสา หักหลบ แล้วจะต้องทำยังไงกันต่อและแน่นอนว่า ทุกคนไม่ว่าจะหน้าเก่า หรือ หน้าใหม่ ทุกคนล้วนนึกถึง สิ่งที่เรียกว่าประกันค่ะ โดยประกันรถยนต์นั้น ยังแบ่งออกเป็นด้วยกันหลายประเภท และมีตั้งแต่ชั้น 1 – 3 ให้ทำความเข้าใจและศึกษา โดยเฉพาะประกันรถยนต์ภาคบังคับ ที่เจ้าของรถทุกคนย่อมต้องมีอยู่แล้ว ซึ่งสำหรับผู้หัดขับมือใหม่ หากมีทุนทรัพย์มากพอ ก็ควรซื้อประกันชั้น เอาไว้จะดีกว่า ที่สำคัญ ยังควรมีเงินสำรองเก็บไว้อีกเช่นกัน กรณีเมื่อเรานั้นกลายเป็นฝ่ายผิด และต้องจ่ายค่าเสียหายให้กับคู่กรณีค่ะ
- ภาษีอะไรบ้าง ที่เกี่ยวกับรถยนต์ อีกหนึ่งสิ่ง ที่เจ้าของรถยนต์จะต้องจำให้ขึ้นใจเลยก็คือ เรื่องของภาษีรถยนต์ และต้องคำนวณเรื่องของค่าใช้จ่าย ที่ต้องเสียทุกปี โดยภาษีของรถยนต์ แต่ละรุ่นนั้น ย่อมมีราคาไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับประเภท ขนาด กำลังของเครื่องยนต์ และอายุการใช้งานของตัวรถ เช่น รถยนต์ส่วนบุคคล ไม่เกิน 7 ที่นั่ง ได้แก่ รถเก๋ง รถกระบะ จะคำนวณภาษี โดยขึ้นอยู่กับกำลังของเครื่องยนต์ โดย ซีซีแรก จะอยู่ที่ซีซีละ 0.5 บาท ก็เอาซีซีมาคูณกับ 0.5 และในส่วนของเครื่องยนต์ที่มากว่า 601 ขึ้นไป ก็จะตกอยู่ที่ซีซีละ 1.50 บาท ในส่วนของปีแรก การคำนวณก็จะอยู่ที่ประมาณนี้ แต่ถ้าหากรถมีอายุ 6 ปีขึ้นไป ภาษีก็จะลดลง 10 % และ เมื่อมีอายุ 10 ขึ้นไป ก็จะลดลงถึง 50 % ตามลำดับ
- พ.ร.บ. ที่รถทุกคันต้องมี
ไม่ได้จบแค่ภาษีอีกนั่นแหละ เคยนั่งอยู่หน้ารถ แล้วสังเกตเห็นใบพ.ร.บ. ใบน้ำเงินๆ ชมพู ตามด้วยเลขปีพุทธศักราชติดอยู่ที่กระจกหน้าไหมคะ นั่นแหละค่ะ มันคือใบพ.ร.บ. ที่รถทุกคันต้องติด ไม่อย่างนั้น แย่ทุกรายเลยนะคะ ไม่ได้จบลงที่ภาษีอีกเช่นกัน เพราะยังมีค่า พ.ร.บ. รายปี ซึ่งถือเป็นประกันภาคบังคับโดยกฎหมาย ที่รถทุกคันจะต้องมีอยู่แล้ว และมีราคาที่ต่างกันออกตามประเภทรถ คล้ายๆ กับภาษีเลย รู้อย่างนี้แล้ว ไม่ติด เท่ากับ ไม่ได้ นะคะ เพราะถ้ามีพ.ร.บ. แล้วไม่ยอมติดไว้ โดนค่าปรับแบบเจ็บ ๆ ไปคนละ 1,000 บาท แล้วจะว่าไม่เตือนไม่ได้นะ
- หมั่นตรวจเช็คอยู่เสมอ
นอกจากเรื่องจิปาถะทั้งหลาย เรื่องของความสะอาดยิบย่อยอย่าง การล้างรถ การเปลี่ยนยาง เช็คอะไหล่เครื่องยนต์ เติมลมล้อแล้ว ก็ต้องคอยเช็คตลอดว่า ยางต้องเปลี่ยนตอนกี่กิโล ต้องเอารถเข้าศูนย์ตอนไหน เข้าศูนย์เพื่อเช็คอะไร โดยเฉพาะเรื่องของแบตเตอรี่รถยนต์ ที่เปรียบเสมือนเป็นหัวใจสำคัญของรถเลยก็ว่าได้ ซึ่งถ้าหากแบตเสื่อมสภาพ ก็ต้องทำการเปลี่ยนแบตใหม่ทันที
- ค่าน้ำมัน
แน่นอนค่ะ เรื่องปกติของรถทุกคัน ไม่ว่าจะเดินทางใกล้หรือไกล บอกแล้วว่าเรื่องของทุนสำรองหลังซื้อรถนั้น จำเป็นมากจริง ๆ ยิ่งใครใช้รถถี่ ๆ รัว ๆ แล้ว ก็อาจจะต้องมีค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิง หรือเติมน้ำมัน มากถึง 2,000 – 4,000 บาทเลยทีเดียว ดังนั้น ก็แนะนำว่าต้องคำนวณทั้งเรื่องของเวลา จำนวนครั้งที่ต้องใช้รถเดินทาง เพื่อนำมาคิดเรื่องของค่าใช้จ่ายน้ำมันรายเดือน แล้วชีวิตจะง่ายขึ้นเลยทีเดียว
อ่านบทความเพิ่มเติม
ก่อนซื้อรถยนต์ต้องเตรียมตัวยังไง
เช็ครถยนต์ ง่าย ๆ ใครก็ทำได้