เนื่องตารถยนต์ เป็นเครื่องจักร ที่ถูกใช้งาน อยู่เป็นประจำทุกวัน และ ยังต้อง เป็นเครื่องยนต์ ที่จ้อง มีการดูแลรักษา ซ่อมบำรุง อยู่ตลอด  เพื่อให้ เครื่องยนต์ สามารถใช้งานได้ต่อ และ ใช้งานได้ดี

รถยนต์ เป็นสิ่งที่เรา ต้องดูแลให้ดี แม้ว่าเครื่องยนต์ จะดูแข็งแรง เป็นเหล็กหนาก็ตาม แต่ด้วยการใช้งานทุกวัน เราจึงจำเป็น ที่จะต้อง มีการดูแลรักษา เครื่องยนต์ เป็นอย่างดี  โดยอาการของเครื่องนั้น เราสามารถ ดูได้จากสัญญาณ และ อาการ ที่เครื่องยนต์ แสดงออกมาให้เราเห็น โดย อาการที่เครื่อง จะแสดงออกมาให้เราเห็นนั้น จะเป็นอย่างไรบ้าง ไปดูกัน

1. แบตเตอรี่เสื่อม

อาการแบตเตอรี่เสื่อม เป็นอาการที่ ผู้ใช้รถสามารถพบได้บ่อยมาก ๆ โดยอาการแบตเตอรี่เสื่อม เป็นสาเหตุหลัก ที่ทำให้ เครื่องยนต์ สตาร์ทไม่ติด โดยอาการ แบตเตอรี่เสื่อมนั้น เราสามารถสามารถ เราสามารถ เช็คได้ไม่ยาก หากเครื่องยนต์ สตาร์ทติดยาก ก็สามารถเดาได้ว่า แบตอรี่รถยนต์เสื่อม หรือ สามารถ เช็คได้จาก วันที่เปลี่ยนแบตเตอรี่

2. หัวเทียนบอด

อาการหัวเทียนบอด เป็นอาการที่ หลายอาจจะตรวจเช็คได้ยากนิดนึง เพราะว่า อาการหัวเทียนบอด จะมีอาการที่คล้าย ๆ กับแบตเตอรี่ รถยนต์หมด เพราะว่า อาการหัวเทียนบอด สามารถสังเกตได้จาก การที่ เครื่องยนต์ สตาร์ทไม่ติด หรือว่า เครื่องยนต์สตาร์ทติดยาก หากใช้งานไปสักพักนึง เครื่องยนต์อาจจะมีอาการสั่น อืด เร่งเครื่องไม่ขึ้น ที่เป็นเหตุมาจาก การที่หัวเทียนบอด เพราะการเสื่อมสภาพของ หัวเทียนทำให้ การจุดระเบิดทำได้ไม่ดี จึงทำให้เครื่องยนต์ มีอาการติด ๆ ดับ ๆ หรือ มีการกระตุก ระหว่างการใช้งาน

3. แอร์ไม่เย็น

ปัญหาแอร์ ไม่เย็น ปัญหานี้ ถือว่าเป็นปัญหา ที่สามารถพบได้บ่อย ในการใช้รถยนต์ ปัญหาแอร์ไม่เย็น สาเหตุหลักมาจาก น้ำยาแอร์หมด หรือ น้ำยาแอร์อาจจะรั่ว ตามจุดต่าง ๆ วิธีแก้ปัญหานี้ เราสามารถแก้ได้ โดยการ เติมน้ำยาแอร์ หรือ อาจจะต้องล้างระบบแอร์ ในรุยยนต์ หากทำตามคำแนะนำแล้ว แอร์ยังไม่เย็น ก็อาจจะลองเปลี่ยนกรองแอร์ดูนะครับ

4. ควันขาวจากท่อไอเสีย

อาการนี้ เป็นอาการที่เห็นได้ยาก แต่หากรถยนต์ ของคุณมีควันขาว ออกจารถยนต์ นั่นก็แสดงว่า ระบบหล่อเย็น ของเครื่องยนต์ มีปัญหานะครับ และ ก่อนที่ปัญหา จะใหญ่มากไปกว่านี้ ก็ควรที่จะ มีการนำรถไปตรวจเช็ค ระบบต่าง ๆ เพื่อตรวจสอบให้รู้ว่า ควันขาวเกิดจากอะไร กันแน่ นะครับ

5. รถเริ่มสตาร์ทติดยาก

อาการรถสตราทติดยาก ถือว่า เป็นอาหารเบสิกที่ สามารถพบได้บ่อย หากรถที่เราใช้มีระยะเวลา มากกว่า 3 ปีขึ้นไป ก็อาจจะดูได้จากที่ แบตเตอรี่รถยนต์หมด หรือ ว่าแบตเตอรี่รถยนต์ มีอาการเสื่อมสภาพ นอกจากนี้ การที่รถสตาร์ทติดยาก ก็อาจจะมาจาก ไดสตาร์ทพัง หรือ ระบบจ่ายเชื้อเพลิง มีปัญหาก็ได้นะครับ หากรถดับกลางทาง เราสามารถแก้ปัญหา เฉพาะหน้าได้ ด้วยการขอจั๊มป์ แบตเตอรี่รถยนต์ คันข้างหน้า หรือ คันอื่น เพื่อให้รถยนต์ ของคุณสามารถใช้งาน ต่อไปได้ และ ควรนำไปตรวจสภาพทันที นะครับ เพื่อป้องกัน การเกิดปัญหานี้อีก

6. ช่วงล่างแข็งกระด้าง

หากคุณขับรถ ออกไปแล้ว รู้สึกว่า ช่วงล่างของรถนั้น ไม่นุ่มนวล เมื่อตกหลุม หรือ ขับบนพื้น ขรุขระ แล้วรู้สึกว่า ช่วงล่างนั้น มีความแข็งกระด้าง นั่นอาจจะเป็นเพราะว่า ระบบช่วงล่าง ของรถยนต์คุณ มีปัญหา อาจจะเกิดจาก ระบบโช้คอัพ สารถเช็คได้จาก อาการเบื้องต้น ว่ามีของเหลวไหล ออกมาจากกระบอกโช้ค หรือเปล่า หรือ อาจจะต้อง เช็คลมยางด้วย แต่ถ้าทั้งสองอย่างนี้ มีอาหารที่ปกติดี ก็อาจจะต้อง ดูในส่วนอื่น ว่ามีความเสียหาย อะไรหรือเปล่า หากมีเวลา ก็ควรที่จะนำเข้าศูนย์ เพื่อตราจสอบระบบ

7. เครื่องยนต์สั่น

จนทำให้เครื่องดับ อาจจะนี้ อาจจะเกิด ขณะ ที่เรากำลังขับรถอยู่ แล้วหากพบว่า เครื่องยนต์ ที่เราใช้งานอยู่นั้น มีอาการสั่นจนเกิด อาการดับ อาการนี้ เป็นอาการที่เกิดขึ้น ได้จากหลายสาเหตุ ที่หาสาเหตุได้ยาก หากเครื่องยนต์ ของเรา มีอาการสั่น ผิดปกติ จนทำให้เครื่องยนต์ นั้นดับ ก็อาจจะจะต้อง นำรถยนต์ เข้าศูนย์ เพื่อตรวจสอบ หาสาเหตุ ว่าอาการสั่น ของเครื่องยนต์ เกิดจากอะไรกันแน่ 

อาการเหล่านี้ เป็นเพียงอาการเบื้องต้น ที่เราสามารถ พบเจอได้ ในชีวิตประจำวัน หรือ สามารถพบเจอได้ ในขณะ ที่เรากำลังใช้รถยนต์ เพื่อให้รถยนต์ ยังอยู่ในสภาพที่ดี และ พร้อมใช้งาน เราก็ควรที่จะนำรถยนต์ ไปตรวจเช็คสภาพ ตามระยะทาง ที่ได้มีการกำหนด จากศูนย์ นะครับ

อ่านบทความเพิ่มเติม

5 สัญญาณ แบตเตอรี่ใกล้หมด

5 วิธีง่าย ๆ ในการดูแลเครื่องยนต์